บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก สิงหาคม, 2019

ฟันน้ำนม

รูปภาพ
ฟันน้ำนม ฟันน้ำนมคือกระดูกที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงแรกเริ่มของเด็กน้อย ซึ่งจะขึ้นเมื่ออายุประมาณ 6 เดือน มีทั้งหมด 20 ซี่ จากนั้นจะค่อยๆหลุดออกและมีฟันแท้ขึ้นมาแทนจนครบ 32 ซี่ เมื่อเด็กๆเริ่มมีฟันน้ำนมงอก สิ่งที่คุณแม่ต้องเผชิญมีทั้ง น้ำลายไหล เหงือกบวม ร้องไห้จากการปวดฟัน ดังนั้นวิธีรับมือเบื้องต้นสามารถทำได้ดังนี้ 1. เช็ดน้ำลายที่ไหลเลอะออกมาให้สะอาด ทั้งในและนอกปาก อาจใช้น้ำเกลือช่วยเช็ดทำความสะอาดได้ 2. ใช้ผ้าก๊อซที่สะอาดถูกฟันและเหงือกเบาๆ 3. หากมีอาการปวด ให้ใช้ห่วงยางกัดหรือผ้าชุบน้ำเย็นหรืออมน้ำแข็งช่วย 4. ในกรณีที่ปวดมากและมีเหงือกบวมร่วมด้วย สามารถบรรเทาอาการได้โดยรับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล ไอบูโพรเฟน 5. หลีกเลี่ยงอาหารที่แข็งและเคี้ยวยาก เช่น ขนมกรุบกรอบ ถั่วต่างๆ ควรทำให้นิ่มก่อนรับประทาน 6. แปรงฟันทุกครั้งหลังตื่นนอนและก่อนเข้านอน หากเด็กเริ่มแปรงฟันได้ 7. งดขนม ลูกอม ก่อนเข้านอนเพื่อป้องกันฟันผุ และอย่าให้เด็กนอนหลับคาขวดนม 8. หลีกเลี่ยงน้ำอัดลม ชา กาแฟ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเปลี่ยนสี 9. หากมีอาการปวดมากหรือมีหนองตามร่องฟัน ควรรีบไปพบทันตแพทย์ 10. ตรวจ

ปัสสาวะ รักษาโรค

รูปภาพ
ปัสสาวะ รักษาโรค ? ตั้งสติ แล้วลองมาทำความเข้าใจเรื่องนี้ไปพร้อมๆ กันดีกว่าครับ 🤣🤣🤣 ย้อนไปในอดีต มนุษย์ เราแถบ ชมพูทวีป หรือว่าอินเดียในปัจจุบันใช้ ปัสสาวะ รักษาโรคกันจริงๆครับ แต่ ๆ ๆ เป็นในรูปของ ยากระสาย หรือตัวทำละลาย ที่ใช้ผสมกับตัวยาสมุนไพรอื่นๆ *เพราะความไม่อุดมสมบูรณ์ในสมัยนั้น อาจจะทำให้หาน้ำได้ยาก นอกจากนี้ ทางฝั่งยุโรป  ก็ยังใช้ปัสสาวะ รักษาอาการผมร่วงและเจ็บตาเช่นกัน นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลายๆ แนวความคิดและการปฏิบัติ ของการใช้ปัสสาวะเป็นยา ซึ่งเราคงต้องใช้ วิจารณญาณ ในการคิดแล้วละครับ ว่า ปัสสาวะ สามารถรักษาได้จริงหรือเปล่า ? แล้วน้ำปัสสาวะ ประกอบด้วยอะไรบ้าง ? ปัสสาวะ คือของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการและขับออกมาทางไต ทำให้ปัสสาวะของเรานั้นเป็นหนึ่งในของเสียที่ไม่ควรนำกลับเข้าสู่ร่างกาย 95% ของปัสสาวะ ประกอบไปด้วยน้ำ และอีก 5% เป็นแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งส่วนประกอบนั้น ก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ลองคิดดูเล่นๆ ก็ได้ครับว่า ของเสีย ที่ร่างกายขับออกมา แล้วเรานำมันกลับเข้าไปในร่างกายอีก อย่างงั้นเหรอ สุดดท้ายนี้ คิดเห็นอย

​5 วิธีปกป้องโลกจากมลพิษพลาสติกเบื้องต้น

รูปภาพ
​5 วิธีปกป้องโลกจากมลพิษพลาสติกเบื้องต้น สมมติว่าเราผูกถุงพลาสติก 6.9 พันล้านถุงเข้าด้วยกัน ทราบไหมว่ามันจะพันรอบโลกได้ 42.5 รอบ ที่เปรียบเทียบอยางนี้ ก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า พลาสติกที่ชาวโลกใช้ไปมุันมากมายมหาศาลจนท่วมโลกได้เลย เพราะฉะนั้นไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมลพิษพลาสติกจึงถูกระบุชนิดลงบัญชีดำเป็นอันดับแรกว่าเป็นวัตถุทำลายโลกที่น่ากลัวที่สุดในศตวรรษนี้ - และมลพิษของมันมันเกิดขึ้นเร็วกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้ 📖 อ่านตรงนี้กันหน่อย  ในเวลาเพียง 31 ปีจะมีพลาสติกในมหาสมุทรมากกว่าปลาซะอีก พลาสติกมหาศาลเกือบ 513 ล้านตันหาทางลงไปสู่ทะเล จากจำนวนนั้นมี 20 ประเทศในโลกที่มีความรับผิดชอบต่อขยะถึง 80 % ประเทศที่ก่อขยะพลาสติกอันดับหนึ่งคือ ประเทศจีน ถือเป็นประเทศที่มีการจัดจัดการขยะผิดพลาดสูงสุด ตามมาด้วยอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เพื่อนบ้านในอาเซี่ยนของเรานี่เอง พูดตรงนี้ง่ายๆว่าปริมาณขยะจำนวนมหาศาลล่องลอยอยู่ในทะเลอาเซี่ยน และก่อให้เกิดมลพิษต่อสัตว์น้ำบ้านเรา ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ได้โทษเพื่อนบ้านไปทั้งหมด ลำพังพลาสติกทึ่บ้านเราใช้กันอยู่ ก็มากพอที่จะก่อมลพิษต่อสัตว์ทะเลด้วยตัวมันเอง

“Sinchon Massacre”

รูปภาพ
“Sinchon Massacre” การสังหารหมู่ที่ชินชอน เมื่อเกาหลีเหนือกล่าวหาสหรัฐว่าสังหารหมู่ชาวเกาหลี “Sinchon Massacre” หรือการสังหารหมู่ที่ชินชอน เป็นเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ไม่ค่อยเป็นที่กล่าวถึงเท่าไร แต่เป็นเรื่องที่น่าสนใจทีเดียว “Sinchon Massacre” เป็นเหตุการณ์ที่เกิดในช่วงสงครามเกาหลี โดยเป็นการสังหารประชาชนของกองทัพเกาหลีใต้ภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 17 ตุลาคม-7 ธันวาคม ค.ศ.1950 (พ.ศ.2493) โดยเกิดในซินชอน เกาหลีเหนือ แต่การกล่าวหานี้ ก็เป็นการกล่าวหาจากทางฝั่งเกาหลีเหนือซึ่งกำลังรบกับเกาหลีใต้ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา หลายฝ่ายจึงคิดว่าอาจจะเป็นเพียงการกล่าวหาของเกาหลีเหนือ และผุ้ที่สังหารประชาชนอาจจะเป็นเกาหลีเหนือเอง เกาหลีเหนือได้อ้างว่าในระยะเวลากว่า 52 วันที่กองทัพบุกเกาหลีเหนือนั้น มีประชาชนกว่า 35,000 คนถูกสังหาร ได้มีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ที่แสดงถึงความโหดร้ายของสหรัฐในปีค.ศ.1958 (พ.ศ.2501) รวมทั้งในโรงเรียนทั่วเกาหลีเหนือยังมีการสอนถึงความโหดเหี้ยมของอเมริกัน เกาหลีเหนือได้กล่าวอีกว่าทหารสหรัฐใช้ดาบซามูไรตัด

Freddie Oversteegan เด็กสาวผู้สังหารนาซีเพื่อชาติ

รูปภาพ
 Freddie Oversteegan เด็กสาวผู้สังหารนาซีเพื่อชาติ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นาซีได้บุกเนเธอร์แลนด์ แต่ในช่วงเวลานี้ได้มีเด็กหญิงชาวดัทช์ หน้าตาน่ารักและดูไม่มีพิษภัยคนหนึ่ง ใจเด็ดถึงขนาดลอบสังหารทหารนาซี เธอคือ “Freddie Oversteegan “ ในปีค.ศ.1940 (พ.ศ.2483) หลังจากที่นาซีได้บุกเนเธอร์แลนด์ Freddy วัย 14 ปี เด็กหญิงชาวดัทช์ผู้นี้ได้เข้าร่วมกับกองกำลังต่อต้านนาซี โดยเธอเข้าร่วมกับกองกำลังพร้อมด้วยพี่สาวและเพื่อนอีกคนหนึ่ง หญิงสาวทั้งสามนี้จะคอยหาทางหลอกล่อทหารนาซี รวมถึงชาวดัทช์ที่ให้ความร่วมมือกับนาซี หลอกล่อให้มาติดกับและฆ่า นอกจากนั้น Freddy และพี่สาวยังคอยส่งหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวต้านนาซีอีกด้วย การกระทำของเธอนั้นนับเป็นสิ่งที่เสี่ยงอันตรายมาก แต่ด้วยความที่ Freddy เป็นเพียงเด็กสาวที่อายุน้อยมาก หน้าตาน่ารัก ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สงสัย ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ในปีค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) หนึ่งในกองกำลังต่อต้านนาซีได้มาขอให้ Freddy และพี่สาวร่วมงานกับกองกำลัง พี่สาวของ Freddy ได้ทำการล่อทหารนาซีเข้าไปในป่าและทหารนายนั้นก็ถูกกองกำลังต่อต้านนาซียิง จากนั้นสองพี่น้องก็ยังได้ฝึก

ประวัติ “แซนด์วิช” sandwich

รูปภาพ
ประวัติ “แซนด์วิช” แซนด์วิช เป็นทั้งอาหารว่างและอาหารหลักที่หลายคนต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ประวัติของแซนด์วิชเป็นอย่างไร ผมจะเล่าให้ฟังครับ อันที่จริงนั้น แซนด์วิชนั้นสามารถย้อนต้นกำเนิดไปได้ตั้งแต่ต้นคริสตกาล โดย “Hillel the Elder” ผู้นำทางศาสนาชาวยิว เป็นผู้ริเริ่มนำเนื้อแกะมามัดรวมกับสมุนไพรกับขนมปัง แต่ต้นกำเนิดที่ทำให้แซนด์วิชโด่งดังจริงๆ คือในยุคค.ศ.1700 (พ.ศ.2243-2342) เมื่อ “John Montagu, 4th Earl of Sandwich” เอิร์ลที่ 4 แห่งแซนด์วิชได้ประดิษฐ์แซนด์วิชโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ท่านเอิร์ลเป็นผู้ที่ชอบการเล่นพนันเป็นอย่างมาก เล่นแทบจะตลอดเวลา แม้แต่เวลาอาหารก็ไม่สนใจ ท่านเอิร์ลจึงสั่งให้คนรับใช้ไปนำอาหารมา โดยอาหารนั้นมีขนมปังกับเนื้อ ท่านเอิร์ลจึงสั่งให้นำขนมปังประกบลงบนเนื้อเพื่อที่จะได้ถือกินได้สะดวกในเวลาที่เล่นไพ่ คนอื่นๆ เมื่อเห็นอย่างนั้นก็ชอบใจ จึงสั่งตามท่านเอิร์ล แซนด์วิชจึงได้ถือกำเนิดขึ้นนับแต่นั้นและโด่งดังไปทั่วโลก โดยแซนด์วิชชิ้นแรกนั้นคือเนื้อวัวหมักเกลือกับขนมปังปิ้งสองแผ่น เครดิต ประวัติศาสตร์ไทยและเทศ&ภาพเก่าในอดีต จา

เครื่องวัดความสวย

รูปภาพ
เครื่องวัดความสวยแห่งยุค 30 (พ.ศ.2473-2482) ในยุค 30 (พ.ศ.2473-2482) ได้มีสิ่งประดิษฐ์ชิ้นหนึ่งเรียกว่า “เครื่องวัดความสวย (Beauty Micrometer)” เครื่องวัดความสวยนี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ของช่างเสริมสวยชื่อดัง Max Factor Sr. โดยมีภาพของเขาใช้สิ่งประดิษฐ์นี้กับนักแสดงสาว Marjorie Reynolds ปรากฎในนิตยสารเมื่อปีค.ศ.1935 (พ.ศ.2478) เมื่อนำเครื่องนี้มาครอบไว้บนหน้า เครื่องนี้จะบ่งบอก วิเคราะห์ว่าจุดไหนที่ควรปรับแก้ โดยเครื่องนี้มีปุ่มให้ปรับถึง 325 ปุ่ม นอกจากนั้น บริษัท Max Factor บริษัทที่ผลิตเครื่องนี้ยังกล่าวว่าเครื่องนี้ช่วยให้ Factor Sr. เข้าใจใบหน้าของผู้หญิงได้ดียิ่งขึ้น เครื่องวัดความสวยได้ออกนำใช้งานในปีค.ศ.1932 (พ.ศ.2475) และถูกคาดหมายว่าจะนำไปใช้ในวงการภาพยนตร์และผู้ผลิตยังคาดหวังว่าเครื่องนี้อาจจะถูกนำไปใช้ในร้านเสริมสวย แต่ดูเหมือนเครื่องนี้จะไม่ได้รับความนิยมและเชื่อว่าเครื่องนี้ถูกผลิตมาเพียงหนึ่งเครื่อง โดยในปีค.ศ.2009 (พ.ศ.2552) เครื่องนี้ได้ถูกประมูลไปด้วยราคา 10,000-20,000 ดอลลาร์ (300,000-600,000 บาท) เครดิต ประวัติศาสตร์ไทยและเทศ&ภาพเก่าในอด

ฟริทซ์ ฮาเบอร์ (Fritz Haber) นักฆ่าและนักบุญในคนๆ เดียว

รูปภาพ
ฟริทซ์ ฮาเบอร์ (Fritz Haber) นักฆ่าและนักบุญในคนๆ เดียว ฟริทซ์ ฮาเบอร์ (Fritz Haber) เป็นนักเคมีชาวเยอรมันผู้มีผลงานโดดเด่น แต่เขาผู้นี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีคุณูปการต่อมวลมนุษย์และเป็นผู้ที่เหมือนกับนักฆ่าในคนๆ เดียวกัน เขาเกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ.1868 (พ.ศ.2411) ที่โปแลนด์ และเป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก ฮาเบอร์ได้เข้าทำงานเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ใน University of Jena ระหว่างที่ทำงานที่ University of Jena ฮาเบอร์สามารถคิดค้นกระบวนการ “ฮาเบอร์ บอช (Haner-Bosch process)” ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตแอมโมเนียโดยใช้ไนโตรเจนและไฮโดนเจนภายใต้สภาวะอุณหภูมิและความกดอากาศสูง แอมโมเนียของฮาเบอร์ถูกนำไปใช้ผลิตปุ๋ย สร้างผลผลิตเลี้ยงประชากรกว่าครึ่งโลก ผลิตอาหารได้มากกว่า 100 ล้านตัน ซึ่งผลผลิตกว่าครึ่งใช้กระบวนการฮาเบอร์ บอช ฮาเบอร์ได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลจากการวิจัยนี้ในปีค.ศ.1918 (พ.ศ.2461) และได้รับรางวัลในปีค.ศ.1919 (พ.ศ.2462) แต่นอกจากการคิดค้นกระบวนการที่มีคุณต่อมนุษยชาติ อีกด้านหนึ่ง ฮาเบอร์ได้เข้าร่วมกับกองทัพเยอรมัน พัฒนาอาวุธเคมีในช่วงสงครามโลกครั้งท